ชายผู้ร้ายกับชายผู้มองโลกในแง่ดี


ในอดีตเคยมีชายผู้หนึ่งได้รับสมญานามว่า “ชายผู้มองโลกในแง่ดี” ด้วยชื่อเสียงนี้ จึงทำให้มีคนอยากพบเจอเขามากมาย แต่มีชายผู้หนึ่งที่ชีวิตโชคร้ายมาตลอด อดสงสัยไม่ได้ว่า
” จะเป็นไปได้ยังไงที่เรื่องราวบนโลกใบนี้จะไม่มีเรื่องทุกข์หรือกังวัลใจ ” ถ้าชายผู้มองโลกในแง่ดี เจอเรื่องราวแบบที่เขาได้เจอบ้าง ยังจะมองโลกในแง่ได้อยู่หรือไม่

#ชายผู้โชคร้าย : ถ้าคุณไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว คุณจะยังมีความสุขมั้ย ?

#ชายผู้มองโลกในแง่ดี : แน่นอนสิ ฉันมีความสุข เพราะสิ่งที่ฉันไม่มีเป็นเพียงเพื่อนไม่ใช่ตัวฉันเอง

#ชายผู้โชคร้าย : ถ้าหากคุณไม่ระวัง กลิ้งตกลงไปในบ่อโคลนจนเนื้อตัวคุณสกปรกไปหมด คุณจะยังมีความสุขมั้ย ?

#ชายผู้มองโลกในแง่ดี : ที่ฉันตกลงไปเพียงแค่บ่อโคลน ไม่ใช่ก้นเหวนรก แน่นอนว่าฉันควรมีความสุขแล้ว

#ชายผู้โชคร้าย : ถ้าหากอยู่ดีๆ คุณโดนใครก็ไม่รู้มาชกหน้าคุณ คุณจะมีความสุขมั้ย ?

#ชายผู้มองโลกในแง่ดี : ดีใจมากที่ฉันแค่โดนต่อย แต่ไม่ได้สูญเสียชีวิต

#ชายผู้โชคร้าย : แล้วถ้าหากชีวิตคุณจะจบลงในไม่ช้า คุณจะยังมีความสุขอีกมั้ย ?

#ชายผู้มองโลกในแง่ดี : ในที่สุดฉันก็เดินทางมาจนสุดทางของชีวิตนี้ จะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงบนสวรรค์ นี่ยังไม่ควรมีความสุขอีกหรือ ?

#ชายผู้โชคร้าย : หมายความว่า บนโลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณต้องกังวลหรือเจ็บปวดเลยเหรอ ?

#ชายผู้มองโลกในแง่ดี : ความเจ็บปวดมักเป็นสิ่งที่เข้ามาเองโดยไม่ได้รับเชิญ ส่วนความสุขนั้นต้องการให้ผู้คนเข้าไปหาและค้นพบด้วยตัวเอง แค่คุณยินดีจะมองหามัน คุณจะพบความสุขได้แน่นอน

เมื่อได้ยินคำตอบ ชายผู้โชคร้ายจึงรู้ตัวว่าเขานั้นเลือกที่วิ่งหาความทุกข์เสียเอง ทั้งที่ความทุกข์ถึงไม่วิ่งเข้าหาก็พร้อมจะเคาะประตูมาเยี่ยมเยือนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และก็เป็นตัวเขาเองที่เลือกหันหลังให้กับความสุข ทั้งที่ความสุขอยู่ในทุกมุมของชีวิตเพียงแค่ตัวเขาไม่ค้นหาเท่านั้นเอง.

เผยแพร่โดย sarazard

นักอ่าน นักคิด นักเขียน นักฝัน นักลงมือทำ

ใส่ความเห็น

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น